ไวรัสอู่ฮั่นเป็นอาร์เอ็นเอไวรัสในกลุ่มโคโรนาไวรัส มีระยะฟักตัวในคน 2-7 วัน (แต่การกักตัวจะสองเท่าของระยะฟักตัว คือ 14 วัน) เมื่อหายจากโรคแล้วก็จะมีภูมิคุ้มกันในตัวคนนั้นตลอดชีวิตเหมือนไวรัสไข้หวัดทั่วๆไป ผู้ป่วยทุกคนที่วินิจฉัยในไทย ไม่มีใครเสียชีวิต และติดมาจากเมืองอู่ฮั่น.

““อย่า”แค่หวัง นั่งรอ ขอจงรู้
“คาดหวัง”สู่ เส้นทาง ทุกอย่างฝัน
“กับ”แผนงาน สานต่อ ก่อชีวัน
“อนาคต” ควรสรรค์ ผลักดันไป
“โดยไม่”หยุด รุดหน้า ต้องกล้าเริ่ม
“ลงทุน”เสริม สร้างกัน มิหวั่นไหว
“กับ”ปัญหา ท้าทาย วุ่นวายใจ
“ปัจจุบัน” บอกไว้ ให้ลงมือ”

ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโรคปอดบวมอู่ฮั่นและการรักษา คือ การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ

ผู้ป่วยคนจีนรายแรกที่พบในไทย ตรวจวิเคราะห์โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และศูนย์ฯจุฬาลงกรณ์ ให้ผลบวกตรงกัน โดยทางจีนให้สายรหัสพันธุกรรมไวรัสอู่ฮั่นมาเป็นตัวเปรียบเทียบ

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นหน่วยงานเดียวของกระทรวงสาธารณสุขในการตรวจยืนยันการติดเชื้อไวรสอู่ฮั่นหรือโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (nCoV2019) ที่กำลังระบาดอยู่ในจีนขณะนี้

โดยส่วนกลางตรวจที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข (สวส.) สามารถรายงานผลได้ภายใน 3 ชม. หลังจากได้รับตัวอย่างส่งตรวจ

การตรวจใช้เทคนิค Real-time RT PCR หรือการตรวจรหัสพันธุกรรมเฉพาะตัวไวรัสอู่ฮั่น ซึ่งแม่นยำ จำเพาะ เชื่อถือได้ และใช้เวลาไม่นาน

ส่วนภูมิภาค ณ วันนี้สามารถส่งตรวจได้ที่ศูนย์วิทย์เชียงใหม่/ภูเก็ต/สงขลา/ชลบุรี/สุราษฎร์ธานี/นครสวรรค์ อีก 9 แห่งที่เหลือจะพร้อมตรวจได้ภายใน 31 มกราคมนี้ เพื่อสะดวกรวดเร็วในการส่งตรวจ และสนับสนุนระบบการเฝ้าระวังโรคของประเทศ.

ไวรัสอู่ฮั่นเป็นอาร์เอ็นเอไวรัสในกลุ่มโคโรนาไวรัส มีระยะฟักตัวในคน 2-7 วัน (แต่การกักตัวจะสองเท่าของระยะฟักตัว คือ 14 วัน) เมื่อหายจากโรคแล้วก็จะมีภูมิคุ้มกันในตัวคนนั้นตลอดชีวิตเหมือนไวรัสไข้หวัดทั่วๆไป ผู้ป่วยทุกคนที่วินิจฉัยในไทย ไม่มีใครเสียชีวิต และติดมาจากเมืองอู่ฮั่น

ทุกคนผ่านกระบวนการดูแลและกักบริเวณตามมาตรฐานขั้นสูงสุดทุกรายเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และขณะนี้ยังไม่มีคนไข้ที่ติดต่อจากพื้นที่ในไทย

คนติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น ทั้งที่ไม่มีอาการ หรือ มีอาการเล็กน้อย หรือมีอาการหนักจนปอดบวม เชื้อจะอยู่ในตัวคนได้ราว 7-10 วัน จะถูกกำจัดโดยภูมิคุ้มกันของตัวคนเราเอง

ผลตรวจแล็บผู้ป่วยที่พบในไทย คนที่มีผลบวกพบเชื้อไวรัสอู่ฮั่น ตรวจซ้ำพบว่า ผลเป็นลบในเวลาไม่เกิน 10 วัน

ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีผู้ป่วยหรือผู้สงสัยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น ก็จะต้องกักตัวแยกไว้ดูแลรักษาหรือสังเกตอาการ 14 วัน ถ้าได้ผลตรวจเชื้อเร็ว คนที่ถูกกักตัวเมื่อตรวจแล้วให้ผลลบก็จะได้ไม่ถูกกักยาวนานถึง 14 วัน (การตรวจสารพันธุกรรมเป็นการตรวจตัวเชื้อไวรัส จึงมีความแม่นยำสูง)

สิ่งส่งตรวจเก็บสารคัดหลั่งในลำคอ (Throat swab) เอามาตรวจด้วยเครื่องเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม มีprobe (ส่วนแสดงผลจากการเรืองแสงถ้าใช่ตัวเชื้อ) และ primer เป็นสารพันธุกรรมสั้นๆของเชื้อมาตรฐาน ที่จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างสายพันธกรรมจนต่อเชื่อมไปถึงprobeแล้วจะสะท้อนแสงขึ้น จึงสามารถดูได้ทันที วิธีตรวจจึงเรียกว่า Real-time RT-PCR

RT คือ Reverse transcriptase เป็นกระบวนการเปลี่ยนรหัสพันธุกรรมอาร์เอ็นเอ (RNA)ของไวรัสให้เป็นสายคู่แบบดีเอ็นเอ (DNA)ก่อน แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการตรวจแบบ PCR (Polymerase chain reaction) ต่อไปจนprobeเรืองแสง แสดงว่า ใช่

Probe กับ Primer จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญในการวินิจฉัยเชื้อ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พัฒนาวิธีReal-time RT-PCRโดยออกแบบprimer และ probeที่มีความจำเพาะต่อNovelcoronavirus 2019 (nCoV2019)

กรมให้บริการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างสงสัยติดเชื้อวิธีที่ใช้ตรวจ In-house method ตรวจหาสารพันธุกรรมยีนเป้าหมาย N และ RdRp gene ด้วยวิธีReal time RT-PCR เก็บตัวอย่างจากสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจในคอ (Throat swab)ดังนั้น มีไอหรือไม่ไอ มีน้ำมูกหรือไม่มี ก็สามารถตรวจหาเชื้อได้

การติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น อาจมีอาการ หรือไม่มีอาการก็ได้ ความรุนแรงจึงไม่มาก แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน จึงเกิดการระบาดได้ง่าย และต้องใช้เวลาอีกเป็นปี การระบาดก็จะชะลอตัวลงกลายเป็นโรคประจำถิ่นต่อไป

เมื่อติดเชื้อแต่ไม่มีอาการก็ติดต่อได้แต่คนทั่วไปอาจเข้าใจผิดได้ว่า “โรคนี้รุนแรงมาก จึงติดต่อได้แม้เป็นช่วงระยะฟักตัว” ซึ่งโดยหลักแล้ว โอกาสติดก็จะน้อยมาก เพราะจะติดจากสิ่งคัดหลั่งจากทางเดินหายใจที่ออกมาทางน้ำลายเท่านั้น (ไม่มีอาการ ก็จะไม่มีน้ำมูก ไม่มีเสมหะ)

การป้องกันตนเองและการป้องกันการระบาดจึงมีความสำคัญ แต่ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดปิดประเทศหรือห้ามคนจีนเข้าประเทศ จนกระทบต่อเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเฝ้าระวังโรคและการป้องกันตัวเองจึงจำเป็นมากกว่าและได้ประโยชน์มากกว่า

หลักการทั่วไป อยากแข็งแรงก็ต้องออกกำลัง อยากปลอดภัยก็ต้องป้องกัน ไม่อยากกังวลก็ต้องรู้จริง

การป้องกันระดับกว้าง กระทรวงสาธารณสุขได้ทำตามมาตรฐานสากลอย่างเต็มที่ ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลกอยู่แล้ว ส่วนข้อมูลที่สื่อสารเกี่ยวกับผู้ป่วย กระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่ได้มีการหมกเม็ดปิดปังแต่อย่างใด

อย่าฝันว่าโรคสงบโดยไม่ต้องทำอะไร ทุกอย่างมีการวางแผนและเตรียมการตามหลักการสากลอยู่แล้วครับ

“อย่า”แค่หวัง นั่งรอ ขอจงรู้

“คาดหวัง”สู่ เส้นทาง ทุกอย่างฝัน

“กับ”แผนงาน สานต่อ ก่อชีวัน

“อนาคต” ควรสรรค์ ผลักดันไป

“โดยไม่”หยุด รุดหน้า ต้องกล้าเริ่ม

“ลงทุน”เสริม สร้างกัน มิหวั่นไหว

“กับ”ปัญหา ท้าทาย วุ่นวายใจ

“ปัจจุบัน” บอกไว้ ให้ลงมือ

การป้องกันไวรัส โคโรน่า สายพันธ์ใหม่ ด้วยตัวเราเอง

สิ่งสำคัญคือ การป้องกันตัวเอง ด้วย 3 หลักสำคัญ คือ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” จะช่วยลดการติดเชื้อจากผู้ป่วยทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการได้ง่ายจากการสัมผัสน้ำมูก เสมหะ น้ำลายแล้วมาแคะจมูก ขยี้ตาหรืออมนิ้ว สุขอนามัยส่วนบุคคลจึงสำคัญ

ย้ำครับ ไวรัสอู่ฮั่น ไม่ได้ติดต่อทางอากาศ แต่ติดผ่านทางละอองฝอยของสิ่งคัดหลั่งจากเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวไวรัสหลายร้อยเท่า การใส่หน้ากากอนามัยธรรมดาจึงกันได้

ส่วน N95 จำเป็นสำหรับคนที่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยหรืออยู่ในดงระบาด และใส่แล้วหายใจยาก อึดอัด ถ้าใส่ทั้งวันก็จะไม่สะดวก

อย่าไปกลัวกังวลเรื่องเดินๆอยู่แล้วเชื้อปลิวไวรัสเข้าตา เพราะมันไไม่ติดง่ายขนาดนั้น คนป่วยไวรัสอู่ฮั่น 1 คน มีโอกาสแพร่โรคต่อไปยังคนอื่นได้แค่ 2-3 คน เท่านั้น การใส่หน้ากากอนามัย ลดความเสี่ยงจากละอองฝอยเสมหะจากผู้ป่วยได้

การออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับเพียงพอ กินผักผลไม้ ร่างกายแข็งแรงก็สามารถรับมือกับเชื้อโรคต่างๆได้ หรือ ถ้าป่วยก็ไม่รุนแรงหรือลดภาวะแทรกซ้อนได้

ที่มา

นพ.พิเชฐ บัญญัติ

รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์